เทคนิคการเลือกซืัอกล้องติดรถยนต์

ปัจจุบันนี้การขับขี่รถยนต์อาจมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ ทั้งจากตัวเราเองและเพื่อนร่วมทาง ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ดังนั้นการมีกล้องติดรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้าและหรือกล้องหน้า-หลังรถยนต์จึงถือเป็นตัวช่วยที่ดีอีกหนึ่งทางเลือก เพราะช่วยบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นซึ่งถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เพื่อเซฟตัวเอง รวมถึงเป็นพยานสำคัญในเหตุการณ์เฉพาะหน้า จะได้เป็นหลักฐานช่วยเหลือเพื่อนผู้ร่วมใช้รถใช้ถนนได้อีกด้วยเมื่อเป็นสิ่งสำคัญและเริ่มมีความจำเป็นมากขึ้น ผู้ผลิตก็ผลิตออกมาขายแข่งกันมากขึ้น

การจะเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์จึงต้องเลือกเฟ้นอย่างดี จะได้ใช้ได้คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายไป ซึ่งต้องเป็นกล้องติดรถที่มีคุณภาพและมีคุณสมบัติครอบคลุมเพียงพอที่จะไม่พลาดในการบันทึกภาพเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นตรงหน้า เมื่อต้องเลือก จึงต้องมีความรู้เกี่ยวกับกล้อง จะได้ทราบว่าควรเลือกอย่างไร และวันนี้ไอมูกิก็นำเคล็ดลับการเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังดีๆ มาฝากกันค่ะ

                  

กล้องติดรถยนต์ก็มีมาตรฐานที่ผู้ใช้ทุกคนต้องการก็คือ เมื่อถ่ายภาพก็ต้องการความคมชัดของภาพ แม้ว่ากล้องติดรถยนต์จะมีวัตถุประสงค์หลักในการใช้งานต่างจากกล้องชนิดอื่นอยู่บ้างก็จริง แต่ความละเอียดในการบันทึกภาพวีดิโอ ก็เป็นเรื่องแรกๆ ที่ต้องคำนึงถึง เนื่องจากความละเอียดของกล้องมีผลต่อความคมชัดของภาพ โดยทั่วไป มาตรฐานของกล้องติดรถยนต์ จะใช้แบบ Full HD(1080p) หรือ HD Ready (720p) เนื่องจากความละเอียดระดับนี้ เมื่อถูกนำมาใช้งานจริง จะได้ภาพที่มีคุณภาพสามารถเป็นหลักฐานสำคัญในเวลาที่ต้องการใช้ได้ดี  เวลาซื้อกล้องให้ได้ Full HD แท้ๆ ได้มาตรฐานนั้น จำเป็นต้องรู้จักและเช็กสเปกของเลนส์และชิปประมวลผล จะได้ไม่โดนหลอก เอาระบบที่คุณภาพต่ำกว่ามาบอกว่าเป็นระบบ Full HD  ในเบื้องต้นนั้น ในแบรนด์มาตรฐานของกล้องติดรถยนต์จะแจ้งรายละเอียดเหล่านี้อยู่แล้ว

_________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

อัตราเฟรมภาพต่อวินาที

กล้องติดรถยนต์บันทึกความเคลื่อนไหวโดยเฉพาะขณะขับ จึงควรมีค่า FPS (Frame Per Second) ที่มีความละเอียดเพื่อได้ภาพเคลื่อนไหวที่สมจริงมากที่สุด FPS ที่กำลังดีควรอยู่ในช่วง 25-30 เฟรมต่อวินาที เพราะกล้องที่มี FPS น้อยเกินไป เวลาบันทึกแล้วจะเห็นภาพที่กระตุก ไม่ต่อเนื่อง แต่ต้องทราบอย่างหนึ่งว่ากล้องที่มีFPS มากจะใช้พื้นที่เก็บเมมโมรี่การ์ดมากกว่าทั่วไป

___________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

สามารถถ่ายกลางคืนหรือถ่ายภาพในช่วงที่แสงน้อยได้ดี        

กล้องติดรถยนต์ที่ดีต้องมีความไวแสงสูง บันทึกภาพได้ชัดทั้งเวลากลางวันและกลางคืน เพราะเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เราไม่อาจคาดหมายได้และต้องการหลักฐานภาพเคลื่อนไหวนั้น เราไม่รู้ว่าจะเกิดกลางวันหรือกลางคืน กล้องติดรถยนต์ที่ควรใช้จึงควรมีฟังก์ชั่น WDR (Wide Dynamic Rang) บันทึกภาพกลางคืนแสงน้อยให้สว่างขึ้น และลดแสงสะท้อนบนท้องถนนได้ดี

_________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

รูรับแสง หรือ Lens Aperture 

ศัพท์เทคนิคกล่าวถึงค่า F/Stop เพื่อระบุคุณสมบัติของ Lens Aperture ซึ่งเป็นสเปกของกล้องติดรถยนต์ ถ้าสเปกกล้องติดรถยนต์แสดงค่า F น้อย หมายถึง รูรับแสงกว้าง ทำให้แสงเข้าได้มาก มีผลให้ช่วงระยะชัดของภาพน้อย (ชัดตื้น) ในทางกลับกัน กล้องติดรถยนต์ที่มีค่า F มาก รูรับแสงจะแคบ ทำให้แสงเข้าได้น้อย ช่วงระยะชัดของภาพจึงลึกกว่า เวลาเลือกกล้องติดรถยนต์ ควรเลือกที่มีค่า F มาก

___________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

มุมมองของกล้องติดรถยนต์

กล้องติดรถยนต์นั้นเป็นกล้องที่ติดเฉพาะจุด และติดอยู่กับที่ กล้องติดรถยนต์ที่ดีที่ควรจำเป็นต้องมีมุมมองกล้องที่กว้าง เพื่อให้ได้ภาพเคลื่อนไหวที่ไม่เพี้ยนจากความเป็นจริง และควรเป็นมุมมองที่กว้างสามารถมองเห็นครอบคลุมหน้ารถยนต์ทั้งด้านซ้าย และด้านขวา ควรเลือกเลนส์ Fish Eye หรือเลนส์ Wide 150 - 170 องศา

_________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

เมมโมรี่การ์ด

ยิ่งเลือกความคมชัดของภาพสูง ขนาดไฟล์ที่ต้องจัดเก็บในเมมโมรี่การ์ดก็ต้องใหญ่ตาม ควรเลือกกล้องติดรถยนต์ที่รองรับเมมโมรี่การ์ดได้ 64 GB จะทำให้เก็บไฟล์ได้ต่อเนื่องหลายวัน ซึ่งตามท้องตลาดทั่วไปรองรับแค่ประมาณ 16 - 32 GB เพราะประหยัดต้นทุน ที่สำคัญควรเลือกกล้องติดรถยนต์ที่มีฟีเจอร์ Loop Recording หรือการอัดทับ คือ การเลือกบันทึกวีดีโอความยาว 3-10 นาที และเริ่มบันทึกวีดีโอใหม่ไปเรื่อยๆ หากเมมโมรี่การ์ดเต็มความจุ ก็จะวนกลับไปบันทึกทับวีดีโอเก่าโดยอัตโนมัติ ทำให้เมมโมรี่การ์ดไม่เต็ม เพราะวีดีโอเก่าจะถูกลบไปเรื่อยๆ นั่นเอง

_________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

เลือกสินค้าที่มีการรับประกันที่ดี

เพราะความจำเป็นที่รถยนต์ในปัจจุบันต้องมีกล้องติดรถยนต์ ทำให้สินค้าในท้องตลาดมีคุณภาพและราคาที่หลากหลาย การเลือกซื้อจึงควรเลือกให้ดี เลือกสินค้ามีแบรนด์ได้มาตรฐาน และเชื่อถือได้ เพราะสินค้าเหล่านี้มีการรับประกันคุณภาพ การเคลมประกัน ซ่อม ที่ดี และปลอดภัยว่าคุ้มค่าราคา ไม่ถูกหลอก ให้ซื้อของไร้คุณภาพ 

___________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

ศึกษาคุณภาพการใช้งานจากผู้ใช้งานจริง

ปัจจุบันสินค้ายอดนิยมทั้งหลายมักมีการรีวิวสินค้าจากผู้ใช้ รวมทั้งกล้องติดรถยนต์ด้วยเช่นกัน แต่ก็ต้องดูให้รอบคอบว่าเป็นความเห็นจากผู้ใช้จริง ไม่ใช่แนวทางการโฆษณาของบริษัท ทั้งนี้หากสามารถสอบถามจากคนรู้จักที่ใช้จริงจะดีที่สุด แต่ถ้าไม่มีจริงๆ ก็ต้องดูหลายๆ รีวิวสินค้า

___________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

ปัญหาเรื่องกล้องติดรถยนต์ที่ควรรู้

  1. เมมโมรีการ์ดต้องมีความเร็วพอกับขนาดความจุของกล้องติดรถยนต์ เช่น เลือกกล้องติดรถยนต์ที่บันทึกไฟล์วิดีโอ Fuull HD ก็ต้องใช้ เมโมรีการ์ด class 10 จึงจะมีความเร็วเหมาะสมกัน
  2. ข้อระวังในการใช้ก็คือ อย่าลืมเปิดฟังก์ชั่นบันทึกวนซ้ำ ไม่เช่นนั้นจะเกิดกรณีบันทึกไม่ได้ในเวลาที่เกิดเหตุฉุกเฉินที่เราต้องการภาพขณะนั้น
  3. กรณีที่เป็นระบบจ่ายไฟจากแบตเตอรี่ ก็ต้องคอยตรวจตราแบตเตอรี่ให้ดี อยู่ในคุณภาพที่ใช้งานได้ ไม่ปล่อยให้แบตเสื่อม หรือบวม เพราะจะมีปัญหาถึงกล้องติดรถยนต์ ชาร์จไฟไม่เข้า ก็จบ

ข้อสำคัญ เมื่อชาร์จไฟเต็มแล้ว ให้ถอดแบตออก อย่าชาร์จทิ้งไว้ และถ้าช่วงไหนไม่จำเป็นต้องใช้กล้องติดรถยนต์นานๆ ก็ควรถอดออก จะได้ไม่โดนแดดเกินความจำเป็น